4 อย่างที่ควรทำ เมื่อรู้สึกว่าคุณเครียดเกินไปแล้วนะ

ความเครียด เป็นตัวบั่นทอนสุขภาพในระยะยาว

ร่างกายของคุณถูกออกแบบมาให้สามารถรับมือกับความเครียดช่วงสั้นๆ เป็นครั้งคราวได้ แต่ถ้าเครียดมากเกินไป ย่อมไม่ดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ ยังดีที่ถึงแม้คุณเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ตึงเครียดไม่ได้ แต่ยังพอควบคุมจัดการกับมันได้บ้าง ถ้าความเครียดทําให้คุณทิ้งผมตัวเอง กัดเล็บจนสึก หรือเป็นกังวลสับสนอยู่ล่ะก็ ลองใช้เทคนิคต่อไปนี้เพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับสู่สภาพปกติ

ความเครียด-002

การตอบสนองของร่างกายเมื่อคุณมีความเครียดสะสม

เมื่อคุณมีความเครียดเกิดขึ้น ร่างกายคุณก็จะตื่นตัว และบอกให้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างกายก็จะเริ่มปฏิบัติการในการป้องกันร่างกายขึ้น ทําให้ระบบต่อมไร้ท่อผลิตฮอร์โมนที่ลดภูมิคุ้มกันทําร้ายหัวใจและหลอดเลือด นั่นจึงส่งผลให้คุณเป็นหวัดและเจ็บป่วยได้ง่าย จิตใจคุณก็ถูกโจมตี ด้วยเช่นกัน โดยจะทำให้คุณมีความรู้สึกหงุดหงิด โกรธง่าย วิตกกังวลมาก ขาดสมาธิ รวมถึงนอนไม่หลับ ปวดท้องเรื้อรัง และทรมานจากอาการปวดศีรษะและภาวะอ่อนเพลียอีกด้วย

4 อย่างที่ควรทำ เมื่อรู้สึกว่าคุณเครียดเกินไปแล้วนะ

#1. รวบรวมสติใหม่อีกครั้ง

ความจำ-08

  • การผ่อนคลายด้วยการทําสมาธิได้รับการพิสูจน์ทางคลินิกแล้วว่า สามารถต้านทานความเครียดได้ วิธีคือ นั่งในอิริยาบถที่สบาย ในที่ที่ไม่มีใครรบกวน หลับตา เอาใจจดจ่ออยู่กับคําหรือวลีใดวลีหนึ่ง ตัวอย่างเช่น “ไม่เป็นไรแล้ว” ในขณะที่คุณกําลังหายใจเข้าและออกอยู่อย่างตั้งใจ ให้พูดวลีนั้นซ้ําทุกครั้งที่หายใจออก ถ้าจิตใจคุณวอกแวกไปคิดเรื่องอื่น ก็เพียงแต่เลิกใส่ใจเรื่องนั้น แล้วหันกลับมาท่องคําหรือวลีเดิมต่อไป ควรฝึกประมาณ 10-20 นาที อย่างน้อยวันละครั้ง
  • ฟังเพลงช่วยได้ ผลการวิจัยพบว่าเสียงดนตรีบางชนิดสามารถลดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด และแม้แต่ระดับฮอร์โมนความเครียดในเลือดได้ ดังนั้นจึงควรหยุดพักแล้วฟังดนตรีที่คุณรู้สึกว่าช่วยประโลมใจ
  • ฝึกเดินทางข้ามเวลา เมื่อคุณรู้สึกมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ลองหวนนึกถึงเรื่องที่คุณเครียดเมื่อปีที่แล้ว เรื่องนั้นสําคัญมากน้อยแค่ไหน ในวันนี้? ทีนี้ลองนึกไปถึง 1 ปีข้างหน้าต่อจากนี้ แล้วมองย้อนมาดูปัญหายุ่งยากใจในปัจจุบัน บางทีการ “ก้าวกระโดดไปข้างหน้า” จะช่วยให้คุณได้มุมมองที่ดีขึ้นต่อสิ่งที่คุณกําลังพยายามผ่านไปให้ได้ในปัจจุบัน

#2. สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้านกังวล

น้ำส้ม

  • กินวิตามินซีเสริม ในการศึกษาหนึ่งพบว่าเมื่อให้คนที่อยู่ในภาวะกดดัน ได้รับวิตามินซีเสริมวันละ 1,000 มก. ต่อวัน ปรากฏว่าคนกลุ่มนี้มีความดัน เลือดเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยลง และระดับฮอร์โมนความเครียดกลับคืนสู่ระดับปกติเร็วกว่าคนที่ไม่ได้รับวิตามินซี
  • รู้จักกับชาดอกคาโมไมล์ นับตั้งแต่ชาวกรีกโบราณเริ่มชื่นชอบการดื่มชาคาโมไมล์เป็นต้นมา ชาชนิดนี้ก็ได้รับการยกย่องว่ามีคุณสมบัติช่วยรักษาโรค ปัจจุบันมีการดื่มชาราววันละ 1 ล้านถ้วยทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและนักธรรมชาติบําบัดจึงแนะนําว่าชาคาโมไมล์เป็นวิธีเยียวยาความเครียดที่ยอดเยี่ยม โดยให้ดื่มครั้งละ 1 ถ้วย วันละ 3 ครั้ง คุณอาจเติมคาโมไมล์ลงในสมุนไพรอื่นๆ ที่ช่วยให้จิตใจสงบ อย่างเช่น ลาเวนเดอร์ และวาลิเรียน (valerian) หรืออาจหยดผสมในน้ําอาบ เพื่อแช่ผ่อนคลายประสาท วิธีคือห่อสมุนไพรอบแห้งในผ้าขาวบาง นําไปวางลงใต้ก๊อกน้ําเมื่อคุณเตรียมน้ําอาบ
  • โสมเกาหลี (panax ginseng) ก็ช่วยได้ สมุนไพรที่ได้รับการยกย่องว่ามีสรรพคุณปกป้องร่างกายจากความเครียด โดยได้ผลเป็นที่ปรากฏแล้วว่าช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนความเครียด และสนับสนุนการทํางานของอวัยวะที่ผลิตฮอร์โมนนี้ ซึ่งได้แก่ ต่อมใต้สมอง ไฮโปธาลามัส ต่อมหมวกไต กินโสมวันละ 100-250 มก. วันละ 2 ครั้งในช่วงที่มีภาวะเครียด ควรเริ่มกินในปริมาณต่ําสุดก่อนแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณ ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญแนะนําว่าควรกินโสม 2-3 สัปดาห์ เว้น 1 สัปดาห์ แล้วจึงกลับมากินใหม่สลับกันไป

#3. ฝึกการผ่อนคลายแบบต่อเนื่อง

ผ่อนคลายจากเครียด-002

เมื่อคุณรู้สึกตึงเครียดมาก ลองใช้เทคนิคที่เรียกว่า การผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง วิธีคือ นั่งหรือนอนในสถานที่เงียบสงบและสบาย หลับตาลง งอนิ้วเท้าให้มากที่สุดเท่าที่ทําได้ ค้างไว้ประมาณ 10 วินาทีแล้วผ่อนคลาย จากนั้นเกร็งและผ่อนคลายเท้า ขา ท้อง นิ้วมือ แขน คอ และหน้า

#4. ป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้น

ถักนิตติ้งลดเครียด

  • ออกไปเดินเล่นหรือออกกําลังกายอย่างอื่นสัก 20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง การออกกําลังกายช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินในสมอง ทําให้เราอารมณ์ดีขึ้นและคลายความกังวล
  • จํากัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ําตาล ถ้าคุณสูบ บุหรี่ก็เลิกเสีย เพราะสารเหล่านี้ไปกระตุ้นปฏิกิริยาสู้หรือถอยของร่างกาย ก่อให้เกิดอาการเครียดทางร่างกาย ได้แก่ หัวใจเต้นเร็ว ตัวสั่น เหงื่อออกที่มือ วิตกกังวล และหงุดหงิด
  • ทํางานอดิเรกที่ช่วยให้จิตใจสงบ การทําสวน ถักนิตติ้ง ต่อจิ๊กซอว์ อ่านหนังสือ หรือทํากิจกรรมยามว่างอื่นๆ ที่คุณชอบ จะช่วยให้คุณหยุดพักจากความเครียดต่างๆ ในชีวิต

  Warning   เมื่อไรที่คุณควรไปพบแพทย์

ควรพบแพทย์ถ้าอาการจากความเครียดส่งผลต่อการดําเนินชีวิตของคุณ อาการดังกล่าว ได้แก่ กังวลมาก ไม่สามารถรับความพ่ายแพ้หรือผิดหวัง เฉื่อยชา ปวด ศีรษะเรื้อรังหรือรุนแรง ปวดหลังหรือคอ กินอาหารมาก เกินไป ลําไส้แปรปรวน หรือไมเกรน ความเครียดเป็นเวลานานเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความดันเลือดสูง โรคหัวใจ หลอดเลือดในสมองแตก/ตีบ และโรคอื่น ๆ


 

error: Content is protected !!