การปฐมพยาบาลเมื่อเลือดกำเดาไหล

เลือดกําเดาไหลเกิดจากอะไร

อาการเลือดกําเดาไหลมักเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด การซ้ําหรือการแคะจมูกก็มีส่วน ในเด็กเล็ก ๆ มักเกิดจากการดันวัตถุแปลกปลอมเข้าไปในรูจมูก เช่น ลูกปัด แต่ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด การที่เลือดกําเดาไหลเป็นเพราะหลอดเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก ซึ่งอาจเกิดจากอากาศแห้งจนทําให้เยื่อบุด้านในเกิดการระคายเคือง ผู้ที่มีปัญหาหลอดเลือดแข็งมีโอกาสเลือดกําเดาไหลได้ง่าย เช่นเดียวกับผู้ที่กินยาบางประเภท เช่น ยาแก้อักเสบอย่างแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาละลายลิ่มเลือดอย่างวาร์ฟาริน


การปฐมพยาบาลเมื่อเลือดกำเดาไหล

ถ้าคุณเลือดกําเดาไหลในเวลาที่ไม่เหมาะสม อยู่ดีๆ เลือดก็ทะลักออกจากจมูกของคุณ คงเป็นภาพที่ทั้งน่าอายและน่าตกใจในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อเลือดปริมาณน้อยนิดกลับดูเหมือนมากมาย ต้องซับด้วยกระดาษทิสชูแผ่นแล้วแผ่นเล่า แต่อย่าตื่นตระหนกไปเลย ปกติแล้วคุณสามารถหยุดเลือดกําเดาได้ในเวลาไม่กี่นาที และต่อไปนี้ก็คือวิธีที่ใช้ได้ผลที่ ป่วยให้น้อย.com นำมาฝากคุณผู้อ่านให้ได้ลองนำไปปฏิบัติและปฐมพยาบาลเวลาที่เราเลือดกำเดาไหลขึ้นมานะคะ


1. บีบก่อน

วิธีง่ายที่สุดและใช้กันมานานก็คือการกดบีบจมูก วิธีคือ นั่งหลังตรง โน้มศีรษะมาข้างหน้าเล็กน้อย (เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงคอ) ขั้นแรก ให้คุณสั่งน้ํามูกเบาๆ เพื่อไล่ลิ่มเลือดที่อาจไปขัดขวางการสมานรอยแตกของหลอดเลือด จากนั้นใช้นิ้วบีบเบาๆ ตรงส่วนที่อ่อนกว่าของจมูกคุณแล้วกดเข้าหาใบหน้า อยู่ในท่านั้นอย่างน้อย 10 นาที ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล ให้กดไปอีก 10 นาที วิธีนี้มักได้ผล

อุดจมูกด้วยสำลี

2. ตามด้วยการอุด

ถ้าเลือดกําเดายังไหลอยู่ คุณอาจลองใช้วิธีอุดจมูก โดยใช้ผ้าพันแผลม้วนเป็นแท่งและกดจมูกตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้นต่อไปอีก 15-20 นาที จากนั้นถ้าาเลือดหยุดไหลแล้ว ให้ปล่อยผ้าพันแผลไว้ในจมูกต่อไปอีก 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหลละก็ คงต้องไปพบแพทย์แล้วพึ่งการอุดและจี้แผลด้วยความร้อนจากมืออาชีพดีกว่า

3. ประคบเย็นหยุดเลือดกำเดา

ประคบน้ําแข็งหรือถุงประคบเย็น โดยวางลูกประคบไว้บนจมูกข้างที่มีเลือดกําเดาไหล ความเย็นจะทําให้หลอดเลือดหดตัวลงและส่งผลให้เลือดไหลช้าลง

4. ความเชื่อของฝรั่งเค้า

วิธีโบราณของทางฝั่งยุโรป เค้าบอกไว้ว่าให้ฉีกกระดาษสีน้ําตาล (จากถุงกระดาษ) เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วโรยเกลือป่นลงไป จากนั้นสอดเข้าไประหว่างเหงือกบนกับริมฝีปากบนบริเวณใต้จมูก ทิ้งไว้สักพักเลือดก็จะหยุดไหล อีกวิธีหนึ่งเค้าให้ใช้เหรียญหรือกระดุมเม็ดเล็กแบน สอดไว้ในปากใต้ริมฝีปากบนตรงกับรูจมูกข้างที่เลือดไหล แต่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าทั้งสองวิธีนี้ได้ผลอย่างไร และอาจจะเป็นโทษจากเชื้อโรคจากเหรียญหรือถุงกระดาษซะด้วยนะเนี่ย


การป้องกันไม่ให้เกิดอาการเลือดกำเดาไหล


  • ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงอาการเลือดกําเดาไหล คุณจําเป็นจะต้องรักษาเยื่อบุในโพรงจมูกให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ซึ่งทําได้ด้วยการดื่มน้ําวันละ 8 แก้วใหญ่ๆ คุณจะรู้ว่าร่างกายมีน้ําเพียงพอถ้าปัสสาวะของคุณเป็นสีอ่อนจาง
  • ถ้าอยู่ในที่อากาศแห้ง เช่น ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ คุณอาจเพิ่มความชื้นในอากาศโดยใช้เครื่องทําความชื้น หรือตากผ้าที่ซักหมาดๆ ไว้ด้านที่รับลมแอร์ หรือว่างอ่างน้ําไว้ในห้องก็ได้
  • ใช้ปิโตรเลียมเจลลีทาโพรงจมูกหรือฉีดสเปรย์น้ําเกลือ ทั้ง 2 วิธีนี้จะช่วยให้โพรงจมูกมีความชุ่มชื้น และยังใช้ได้กับกรณีอื่นๆ ด้วย เช่น ก่อนเครื่องบินของคุณจะบินขึ้น ตอนคุณทุเลาจากหวัดหรือไซนัส หรือเมื่ออยู่ ในที่อากาศแห้งมาก
  • ระวังยาแอสไพรินที่คุณกิน แอสไพรินขัดขวางการแข็งตัวของเลือด และอาจส่งผลร้ายถ้าคุณเลือดกําเดาไหลบ่อย อย่างไรก็ตามหากแพทย์เป็นผู้ให้คุณกินแอสไพรินเพื่อลดความหนืดของเลือด ไม่ควรเลิกกินยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
  • ถ้าคุณเป็นโรคภูมิแพ้ที่มีอาการทางจมูก ต้องรีบรักษาโดยเร็ว จมูกที่ระคายเคืองจากสารก่อภูมิแพ้และการสั่งน้ํามูกบ่อยๆ ทําให้เยื่อบุโพรงจมูกได้รับการกระทบกระเทือนและทําให้มีเลือดกําเดาไหล
  • กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง แตงโม กีวี และผักสีเขียวในแต่ละวันให้มากขึ้น หรือกินวิตามินซีขนาด 1,000 มก. ทุกวัน วิตามินซีจะช่วยทําให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังเป็นส่วนประกอบสําคัญของคอลลาเจน ซึ่งช่วยเคลือบโพรงจมูกให้ชุ่มชื่น คุณอาจกินวิตามินซีควบคู่กับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoid) 500 มก. ต่อวัน ผลิตภัณฑ์ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grapeseed extract) สารสกัดจากเปลือกต้นสน (pinebark extract) พิกในจีนอล (pycnogenol) หรือสารกลุ่มโปรแอนโทไซยานิน (proanthocyanin) สารเหล่านี้มีสรรพคุณบํารุงหลอดเลือดฝอยเช่นกัน

  Warning   เลือดกำเดาไหลแบบไหนอันตราย

ถ้าเลือดกําเดาไหลบ่อยโดยไม่มีสาเหตุ ควรไปพบแพทย์ สำหรับผู้ที่มีความดันเลือดสูงหรือไขมันในหลอดเลือด ถ้ามีเลือดกําเดาไหลเกิน 10 นาที ควรไปพบแพทย์ หรือถ้าเลือดกําเดาไหลเพราะศีรษะถูกกระแทก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเลือดที่ไหลออกมามีลักษณะใสเหมือนน้ํา ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเป็นของเหลวในสมองก็ได้ นอกจากนี้ ถ้าผ่านไป 30 นาทีแล้วเลือดกําเดายังไหลไม่หยุดและคุณรู้สึกจะเป็นลม ให้รีบตรงไปยังแผนกฉุกเฉินทันที


error: Content is protected !!